บทความเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอีเมล์ที่มีคนส่งมาปรึกษาว่าต้องการจะเป็นนักออกแบบเว็บ แต่ไม่มีพื้นฐานเลย เลยอยากรู้ว่าต้องเรียนรู้อะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง ผมก็เลยขอเขียนเป็นบทความไว้ในบล็อกด้วยเผื่อมีท่านอื่นๆสนใจครับ ผมเชื่อว่ามีหลายๆคนที่สนใจอยากจะมาเป็นนักออกแบบเว็บไซต์ แต่ก็ไม่มีไอเดีย ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร หลายคนก็กังวลและกลัวว่าจะทำไม่ได้ จริงๆไม่ต้องตื่นกลัวหรือกังวลใจไปหรอกนะครับ ไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าจะเรียนรู้ได้หรอกครับ เพียงแต่ว่าเราต้องใช้เวลาและความพยายามไปกับมันให้มาก เท่านั้นเอง ทุกวันนี้มีสื่อสำหรับแนะนำหรือสอนเรื่องพวกนี้อยู่เต็มไปหมดครับ สำหรับบทความนี้ผมจะพูดถึงเบสิกที่เราต้องรู้ หากจะมาเป็นนักออกแบบเว็บครับ ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
[thetext]ประการแรก รู้ก่อนว่าเว็บดีไซน์เนอร์คืออะไร[/thetext]
สิ่งสำคัญพื้นฐานก่อนจะทำอะไรก็ตามแต่ นั่นก็คือ “รู้ว่าส่ิงที่จะทำคืออะไร” ถ้าเราไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร เราจะก็ไปต่ออย่างไร้จุดหมายครับ จับจุดไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นยังไงดี ฮ่าๆ เว็บดีไซน์เนอร์นั้น ก็คือบรรดานักออกแบบที่ต้อง “ออกแบบ” องค์ประกอบต่างๆ ให้แสดงผลบนเว็บไซต์ครับ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสีที่แสดงผล โครงสร้างเว็บไซต์ ตำแหน่งการจัดวาง รูปแบบการแสดงผล เว็บดีไซน์เนอร์จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับหลักการออกแบบและรู้วิธีใช้เครื่องมือสำหรับทำงานออกแบบเป็นอย่างดี ครับ เว็บดีไซน์เนอร์เนี่ยค่อนข้างจะเป็นอาชีพที่ “เฉพาะเจาะจง” เพราะชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าออกแบบเกี่ยวกับ “เว็บ” ดังนั้นเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ได้ก็ต้องเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับออกแบบสำหรับเว็บไซต์นั่นเอง
สำหรับผมนั้น เครื่องมือที่ใช้ผม Photoshop เป็นหลักครับ ออกแบบทุกอย่างเป็นไฟล์ PSD ครับ มีบ้างที่จะใช้ illustrator สำหรับงานพวกเวกเตอร์ไฟล์ แล้วเรื่องหลักการออกแบบหล่ะ เรียนรู้ได้จากไหน? ข้อนี้ผมขอแบ่งปันจากประสบการณ์ตรงของผม เพราะผมก็ไม่ได้เรียนจบศิลปะมา ผมใช้วิธีการ “อ่าน” และ “ทำตาม” ครับ ย้ำอีกครั้งนะครับ “อ่านและทำตาม” ผมอาศัยอ่านเอาจากในเน็ตเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นคลังข้อมูลมหาศาล มีให้อ่านเยอะมาก และอ่านจากหนังสือครับ
ร้านหนังสือที่ผมมักจะแวะเป็นประจำก็คือร้าน Kinokuniya เพราะร้านนี้เค้าจะมีหนังสือแนวดีไซน์ขายเยอะกว่าร้านอื่น แล้วก็พวกแมกกาซีน เช่น Computer Art เอามาอ่าน ดูแนวคิด ดูผลงานของคนอื่นว่าเค้าทำกันอย่างไร พอเราได้อ่าน ได้เห็นผลงานเยอะๆ และได้ลองทำตามแล้ว เราจะได้องค์ความรู้ครับว่า มันต้องทำอย่างนี้นะงานถึงจะออกมาดี แรกๆผมก็ใช้วิธีการทำตามตัวอย่างเค้าครับ หรือทำให้ได้เหมือนเค้า เพราะเป็นการ “ฝึกใช้เครื่องมือให้คล่อง” อยากรู้ว่าเว็บนี้เค้าใช้ Pattern แบบนี้ มันต้องทำอย่างไรใน Photoshop ทำเงาแบบนี้ ทำการไล่สีแบบนี้ พอหัดทำตาม มันก็จะช่วยให้เราได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ไปด้วย
[thetext]ประการที่สอง รู้ว่าใช้เครื่องมืออะไรบ้าง[/thetext]
หลังจากที่เรารู้แล้วว่า เห้ย! อาชีพนี้เนี่ย เป็นอาชีพที่ทำแบบนี้นะ เราก็จะมองออกว่าเราจำเป็นต้องใช้อะไรบ้างในการทำงานใช่ไหมครับ อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ว่าเครื่องมือส่วนใหญ่ของการออกแบบเว็บก็คือ Photoshop ครับ แล้วก็มี illustrator บ้าง สำหรับคนที่สนใจเครื่องมือมากกว่านี้ก็ลองศึกษา Firework ดูด้วยก็ได้นะครับ แต่โดยส่วนตัวผมชอบ Photoshop มากกว่า เพราะถนัดใช้ตัวนี้มากกว่าครับ แฮะๆ
นอกจากเครื่องมือที่เป็น Software แล้วเนี่ย ภาษาในการทำเว็บก็สำคัญนะครับ แม้ว่าถ้าเอาเข้าจริง ดีไซน์เนอร์ไม่จำเป็นต้องรู้ลึกพวกภาษาทำเว็บก็ได้ แต่มันก็จะดีกว่าถ้าเรารู้ว่าภาษาพวกนี้มันคืออะไร มีข้อดีอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง และมีข้อจำกัดอย่างไร ก็จะช่วยให้เราออกแบบได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ
ภาษาที่จำเป็นต้องรู้เลยนั่นก็คือ HTML / CSS ครับ สองภาษานี้คือ “หัวใจ” ของการทำเว็บเลยครับ ถ้าให้ผมแนะนำนะ ผม “บังคับว่าต้องรู้ให้ได้” ฮ่าๆ ส่วนภาษาอื่นๆก็รู้ไว้ก็จะดีมากๆ ได้แก่ PHP, javascript หรือ Jquery เป็นต้น บางคนเริ่มจะกลับมากังวลอีกแล้ว ว่าทำไมมันเยอะอย่างนี้ แล้วจะเรียนไหวไหมนะ? เรียนไหวสิครับ ถ้าผมเรียนรู้ได้ คุณก็ต้องเรียนรู้ได้ เชื่อผมดิ๊ ฮ่าๆ ภาษาพวกนี้อาจจะดูน่ากลัวในตอนแรก แต่พอเราเริ่มเรียนไปสักพัก ใช้งานมันไปสักพัก จะเห็นว่า มันง่ายมาก
ในตำราจะมีเขียนศัพท์แสง แท็กต่างๆเต็มไปหมด แต่พอเอามาใช้งานจริง เราจะใช้ “ช้ำๆ” กันอยู่ไม่กี่รูปแบบครับ เรื่องพวกนี้เหมือนที่ผมบอกไปว่า ต้องใช้เวลาในการทุ่มเท พยายามไปกับมัน ครับ ผมเองสมัยเรียนแรกๆก็คิดว่ามันเยอะจริงแฮะ แต่พอหัดไปสักพักก็เริ่มเห็นแล้วว่ามันไม่ได้ยากเกินความสามารถเลย เพราะว่าคำสั่งก็เป็นเหมือนภาษาอังกฤษ เช่น จะทำขอบ ก็ใช้คำสั่ง border จะทำขอบให้มีสีก็ border-color จะทำขอบให้มีสีแดงก็ border-color:red แบบนี้ เห็นไหมครับ ภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษาจริงๆ
อีกเหตุผลที่ผมอยากให้รู้เรื่องภาษาพวกนี้ไว้ ก็เพราะว่าเว็บดีไซน์เนอร์ต้องทำงานร่วมกันกับเว็บเดเวล็อปเปอร์ หรึกนักพัฒนาเว็บไซต์ ว่ากันว่าสองสายนี้มักจะคุยกันยาก เพราะฝั่งออกแบบก็ไม่รู้โค้ด ฝั่งรู้โค้ดก็ออกแบบไม่เป็น จึงต้องมีการปรับงานกันไปกันมา ดังนั้นถ้าเรารู้เรื่องพวกนี้ไว้ด้วยก็จะช่วยให้เรารู้ถึงสโคปงานของฝั่งนักพัฒนาได้ ทำให้จูนเข้าหากันได้มากขึ้นครับ ฮ่าๆ 
[thetext]เสต็ปต่อไป เริ่มทำงานจริง![/thetext]
เอาหล่ะครับ หลังจากไปนั่งอ่านพื้นฐานการออกแบบเว็บ หัดใช้เครื่องมือแล้ว เราก็ต้องมาเริ่มต้นจริงๆจังๆกันแล้วครับ มาดูว่าไอ้ที่เราอ่านมา ทั้งหลาย ความสามารถทางเครื่องมือที่มี จะสามารถเอามาทำเว็บได้ดีขนาดไหน มีคนบอกไว้ว่า หากคุณต้องการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ คุณก็ต้องผ่านการมีประสบการณ์มาก่อน คมไหมละครับ ฮ่าๆ แต่ว่าประสบการณ์ในฐานะคนเพิ่งเริ่มต้น จะไปหามาจากไหนละ? แน่นอน ลูกค้ายังไม่ต้องพูดถึง ยังไม่มีใครจ้างแน่ๆ สำหรับคนเพิ่งหัดทำ แล้วจะทำไงดี?
“ก็เริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์ของตัวเองก่อนสิครับ” เว็บของคุณนี่แหล่ะคือเครื่องมืออย่างดีที่จะทำให้คุณได้ยิงพลังความสามารถของตัวเองได้เต็มที่ เพราะคุณคือเจ้าของเว็บ เจ้าของไอเดีย อยากให้เว็บออกมารูปแบบไหน ก็ทำได้เลย ทีนี้จากที่เจอมา เว็บของตัวเอง ส่วนใหญ่มักจะทำไปเรื่อยๆ แบบนี้ผมว่าไม่ค่อยเวิร์คครับ ผมแนะนำว่าให้เราคิดประหนึ่งว่าเนี่ยก็คืองานที่เราต้องทำให้ลูกค้า มีเดดไลน์นะ มันจะฝึกให้เราได้บริหารเวลาด้วยครับ ทำ to-do-list ให้ชินจะได้รู้ว่าเป้าหมายที่ต้องทำให้เสร็จในแต่ละโปรเจ็คมีอะไรบ้าง
[thetext]รับงานออกแบบมาทำ[/thetext]
ว้าววว!! ตอนนี้คุณรู้หลักการออกแบบแล้ว ใช้เครื่องมือเป็นแล้ว แถมมีเว็บไซต์สุดเจ๋งเป็นของตัวเองอีก ตอนนี้ได้เวลาแล้วที่เราจะเริ่มก้าวไปสู่โลกของวงการออกแบบเว็บไซต์ครับ มาทำงานออกแบบให้คนอื่นกันเถอะ! สำหรับงานแรกๆ อยากให้รู้ไว้ครับว่า ส่วนใหญ่มันใช่งานที่ทำเงิน แต่มันคืองานที่เราต้องการทำเพื่อหาประสบการณ์ ดังนั้นอย่าเพิ่งซีเรียสกับเม็ดเงินให้มากครับ เมื่อสกิลเราเพิ่มขึ้นงานของเราก็จะมีราคาเพิ่มขึ้นเองได้ครับ
งานออกแบบเว็บไซต์ เป็นงานที่ต้องอัพเดทอยู่เสมอ จำไว้นะครับว่า สิ่งที่ดูดี โคตรเท่ในปีที่ผ่านมา อาจจะเป็นอะไรที่โคตรเชยก็ได้ในปีนี้ ดังนั้น อย่าหยุดเรียนรู้ อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง และ “อย่าหลงกระแสให้มาก” ครับ เทร็นด์ก็คือเทร็นด์อยู่วันยังค่ำ มีเข้ามาแล้วผ่านไป วนเวียนอยู่อย่างนี้ ทางที่ดีคือ สร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้ได้ดีกว่าครับ
การทำงานจริงๆ เราต้องรู้จักขายตัวเองให้ได้ด้วย แค่คุยกับคอมพิวเตอร์เป็นอย่างเดียวมันไม่พอนะครับ ต้องคุยกับคนเป็นด้วย ฝึกทักษะการสื่อสารกับลูกค้า การเจรจา สร้างแบรนด์ของตัวเองว่าทำอย่างไรให้คนเห็น รู้จัก และจดจำ เมื่อทำงานแล้วหากประสบปัญหา ให้เรียนรู้จากปัญหานั้น เอามาเป็นครูไว้สอนเรา เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส พยายามฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอๆครับ
อ่านถึงบรรทัดนี้ คุณคงจะเห็นนะครับว่า ไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆ ทุกอย่างต้องอาศัพความทุ่มเท แต่ถ้าคุณตั้งใจเต็มที่ ทำให้เต็มที่ เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินที่จะทำไหวเลยครับ สู้ๆนะครับ ^^
