สวัสดีครับผม วันนี้ถ้าเราสังเกตดูในโลกออนไลน์จะเห็นว่ามีคนพูดถึงการทำธุรกิจกันเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย การสัมนา บลาๆ ซึ่งหลากหลายธุรกิจก็ผันตัวเองมาใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์และจัดจำหน่ายสินค้าเป็นหลักกันเลยทีเดียว
เมื่อก่อนนั้นใครจะไปคิดละครับว่าการซื้อขายมันจะทำได้ง่ายๆขนาดนี้ เพียงแค่การนั่งก้มเช็คมือถือ ดูผ่านคอม ก็สามารถซื้อขายสินค้าได้แล้ว แต่ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไปครับ คนที่เราเห็นเขาก้มๆเงยๆดูมือถือ ดีไม่ดีก็เป็นเจ้าของร้านขายของออนไลน์ที่มี transaction หลักหมื่นหลักแสนหลักล้านกันก็ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าทุกวันนี้เราต่างก็ใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์กันอย่างเต็มตัวกันเกือบหมดแล้ว
การทำธุรกิจซื้อขายบนโลกออนไลน์ เราเรียกว่า E-commerce ครับ จริงๆศัพท์นี้มันมีมาเป็นสิบๆปีแล้วแหละครับ แต่ด้วยช่วงจังหวะมันก็เลยอาจะไม่บูมมากในบ้านเรา (เพิ่งจะมาบูมจริงๆจังผมว่าสักราวหกเจ็ดปีก่อน) ซึ่งอาจจะมาจากการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของเราในยุคนั้นยังไม่แพร่หลายมากนัก ต่างจากทุกวันนี้ที่แค่มีมือถือสมาร์ทโฟนก็เล่นเน็ตได้สบายด้วยราคาที่แตะต้องได้
[thetext]เมื่อพฤติกรรมการซื้อขายเปลี่ยนไป คนทำมาค้าขายก็ต้องปรับตัว[/thetext]
ผมเคยเชียร์หลายครั้งว่าให้คนทำธุรกิจมีพื้นที่ออนไลน์ของตัวเองได้แล้ว เพราะการมีพื้นที่ออนไลน์มันเปิดโอกาสให้เราเยอะแยะมากมาย เดี๋ยวนี้นะครับเราจะเห็นข่าวกิจการบางอย่างซบเซา เพราะลูกค้าเปลี่ยนรูปแบบการซื้อขาย ยกตัวอย่างได้ง่ายก็พวกสื่อสิ่งพิมพ์ครับ
ผมชอบอ่านหนังสือมากๆ เลยเห็นข่าวสำนักพิมพ์หลายรายปิดตัวลงไป บางนิตยสารเป็นนิตยสารดังมาก แต่ก็สู้กลไกตลาดแบบใหม่ไม่ได้ เพราะคนนิยมอ่านข่าวสารบนโลกออนไลน์กันมากขึ้น ซื้อหนังสือที่เป็นแบบพิมพ์เป็นเล่มน้อยลง ทำให้ยอดขายก็ลดลงไปด้วย จึงเป็นที่มาที่ทำให้ต่างพากันปิดตัวลง
แต่กระนั้นผมก็เห็นอีกหลายสื่อที่เห็นโอกาสของพฤติกรรมนี้นะครับ เราจะเห็นว่ามีเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ที่ผันตัวเองมาเป็นผู้ “เขียนสื่อ” ออนไลน์ หรือ “ส่งสาร” นำเสนอ “บทความ” ให้คนอ่านแทน ถ้ามองในมุมมองของการอ่าน ไม่ว่าจะอ่านนิตยสารแบบเล่มพิมพ์ออกมา หรืออ่านในหน้าจอคอมพิวเตอร์ สารที่ได้รับมันก็เหมือนๆกัน แต่ความสะดวกและเข้าถึงแตกต่างกัน ยิ่งในยุคที่ทุกวันนี้เน้น Content ต้องปัง เราจึงเห็นบทความดีๆบนโลกออนไลน์ที่มีให้อ่านกันเต็มไปหมด
[thetext]สินค้าทุกตัวล้วนมีโอกาสขายได้ใน E-commerce[/thetext]
ใช่ครับ อะไรที่ขายแบบหน้าร้านได้ ก็ล้วนมีโอกาสขายได้ในโลกออนไลน์ ย้อนกลับไปราวสามปีก่อน ผมเห็นคนขายทุเรียนเป็นลูกๆบนเฟสบุค ส่งตรงจากสวน ส่งสินค้าให้ทางไปรษณีย์หรือรถไฟ หรืออย่างล่าสุดที่ผมทำเอง นั่นก็คือการขาย “สุ่มไก่” สินค้าแบบบ้านๆ ที่ผันตัวมาจับตลาดออนไลน์ ซึ่งมันมีเสียงตอบรับที่ดีมากๆ แบบที่หลายคนก็ไม่คิดมาก่อนว่าการขายสุ่มเนี่ยนะจะไปขายออนไลน์ คนเล่นไก่ชนเขาจะเล่นเฟส เล่นเน็ตเหรอ …ที่ไหนได้ คนกลุ่มนี้แหละครับที่เล่นเน็ตกันเยอะมาก และมีกำลังซื้อเหนือความคาดเดาสุดๆ
หรือเคสแปลกๆ ก็อย่างเช่นตอนผมอยู่เมืองจีน (จริงๆเมืองจีนนี่คือแหล่งโมเด็ลการไปดูงาน E-commerce ชั้นยอดเลยนะครับ เพราะที่นี่ E-commerce เขาเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ) เมืองจีนเนี่ยเป็นประเทศที่พ่อแม่ญาติพี่น้องจะซีเรียสกันมากเรื่องการมีคู่ของลูกตัวเอง เขาจะชอบเซ้าซี้ถามตลอดว่า ไหนละแฟน เมื่อไหร่จะมีแฟน ตอนไหนจะพามาให้พ่อแม่ดู ซึ่งเด็กจีนเองก็เครียดไม่แพ้กัน
แต่ที่ไหนมีปัญหา ที่นั่นก็มีโอกาสทางธุรกิจครับ มันก็เลยมีเว็บไซต์เว็บหนึ่ง เป็นเว็บ “อาสาเป็นคู่” เขาจะให้คนจีนเนี่ยเข้าไปเลือกดูว่าอยากจะให้ใครไปเป็นแฟนจำเป็นตอนกลับบ้านบ้าง ก็มีคนไปสมัครสมาชิกเยอะเลยทีเดียวครับ มีทั้งแบบคิดเป็นวัน เป็นชั่วโมง เงินเท่านี้ทำอะไรได้บ้าง มากกว่านี้ทำอะไรได้บ้าง
ถ้าคุณมีสินค้าอะไรสักอย่าง ลองเอามาขายในโลกออนไลน์ดูได้ครับ มันมีโอกาสหมดนั่นแหละคับ ไม่ลองไม่รู้เนาะ
[thetext]E-commerce เปิดร้าน 24 ชั่วโมง[/thetext]
ลูกค้าที่อยากจะซื้อของ บางทีไม่ได้มีเวลาจะไปหน้าร้านเราในช่วงเวลาปกติ ดังนั้นถ้าร้านเรามีแค่แบบออฟไลน์อย่างเดียว ก็จะทำให้เราพลาดโอกาสจากลูกค้าที่จะซื้อของนอกเวลา แต่ถ้าเรามีหน้าร้านออนไลน์ ร้านนี้จะเปิดรับลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะครับ ใครจะซื้อของตอนไหน เวลาไหน ก็ซื้อได้ แถมหน้าร้านออนไลน์ก็ไม่จำเป็นต้องมีคนเฝ้าประจำก็ได้ เพราะถ้าเรามีระบบ E-commerce ที่ดี มันจะมีการแจ้งเตือนให้เราเวลามีการซื้อของเกิดขึ้นครับ ถึงตอนนั้นเราก็ค่อยไปพูดคุยกับลูกค้าของเราได้โดยตรง แถมข้อดีของการมีหน้าร้านออนไลน์ก็คือ ลูกค้าที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มที่ต้องการจะซื้ออยู่แล้วด้วยนั่นเอง
[thetext]E-commerce ขายสินค้าได้ไกลกว่า[/thetext]
จริงๆข้อนี้ก็ common sense กันอยู่แล้วนะครับ เพราะเว็บไซต์มันเข้าถึงหมด ไม่จำเป็นต้องขายให้เฉพาะคนในพื้นที่อีกต่อไป อยากขายเสื้อ แทนที่กลุ่มลูกค้าจะอยู่แค่คนในพื้นที่ แต่ E-commerce ก็ทำให้ทุกคนในโลกกลายเป็นลูกค้าเราได้หมด (ถ้าเราสามารถส่งของให้เขาได้)
[thetext]E-commerce เป็นของตัวเองไม่ยาก[/thetext]
เมื่อก่อนนั้นการจะมีเว็บไซต์ขายของ ต้องใช้เวลาและงบประมาณสูง แต่ทุกวันนี้เรามีเครื่องมือเจ๋งๆ แพลตฟอร์มดีๆให้เราใช้กันเยอะมากในราคาที่จับต้องได้ บางที่อาจจะฟรีเสียด้วยซ้ำ แล้วแต่ขนาดของธุรกิจ ดังนั้นใครที่กำลังลังเลว่าจะมีร้านค้าออนไลน์ดีไหม ก็ลองใช้บริการพวกนี้ดูก็ได้ครับ ส่วนถ้าใครมองว่าสินค้าของตัวเองมีลักษณะการซื้อขายแบบเฉพาะทางหน่อย ก็จ้างคนทำเว็บทำก็ได้ครับ
อย่างที่บอกครับว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลก เราก้าวเข้าสู่ยุคทองของ E-commerce กันเรียบร้อยแล้ว ทุกภาคส่วนมีโอกาสจากตรงนี้ค่อนข้างเยอะมาก ถ้าเราเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ เราก็ต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการค้าขาย หรือการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อนำมาใช้กับองค์กร สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การอย่าหยุดพัฒนาตัวเอง และเปิดใจ เปิดรับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามามีบทบาทกับภาคธุรกิจของเราครับ