ในฐานะของคนที่ทำเว็บไซต์ด้วย WordPress นั้น หนึ่งในคำถามที่ผมได้ยินจากลูกค้าที่อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองบ่อยมากนั่นก็คือ จะใช้ธีมฟรี ธีมซื้อมา หรือว่าออกแบบใหม่สำหรับธุรกิจนี้เลย อันไหนดีกว่ากัน ซึ่งผมเองก็มองว่าทั้งสามรูปแบบนั้นมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไปครับ
Amour – Shop WordPress theme – Flower – Jewelry – Handmade – Gift
ทุกวันนี้เราคงไม่ต้องอธิบายกันมากแล้วนะครับว่า การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองหนะสำคัญมากขนาดไหน มีข้อดีอะไรบ้าง เพราะผมว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็เข้าถึงอินเตอร์เน็ตกันเกือบหมดแล้ว และการทำเว็บสมัยนี้ก็มีเครื่องไม้เครื่องมือเต็มไปหมดว่าเราอยากจะใช้อะไรในการพัฒนา อย่างผมเองก็จะใช้ Content Management System ที่ชื่อว่า WordPress เป็นพระเอกหลักในการทำงานครับ เพราะจากที่ใช้งานและลูกค้าใช้งานต่างก็บอกว่าใช้งานง่าย และปรับแต่งได้หลากหลายดี เนื่องมาจากมีทั้งธีม ทั้งปลักอินมาเสริมประสิทธิภาพการทำงานเยอะมาก จนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ทีนี้กลับมาสู่เรื่องที่เราจะพูดกันวันนี้คือเรื่องของธีม
[thetext]ก่อนอื่นสำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก WordPress อาจจะงงสักหน่อยว่า “ธีม” คืออะไร[/thetext]
ธีมของ WordPress ก็คือ “หน้าตา” ของเว็บไซต์นั่นแหละครับผม เวลาเราทำเว็บด้วย WordPress เราจะแบ่งออกเป็นสองอย่างหลักๆ คือ ส่วนที่เป็น “หน้าตา” กับส่วนที่เป็น “ระบบหลังบ้าน” ในธีมๆหนึ่งนี่ก็จะประกอบไปด้วยหลายไฟล์ครับ ซึ่งก็เป็นไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการแสดงผลหน้าเว็บไซต์ของเรา เช่น หน้าหลัก ให้มีภาพเลื่อนๆ หน้าบทความมีกล่องคอมเมนต์ ขวามือเป็นส่วนที่เอาไว้แสดงเนื้อหาล่าสุด อะไรทำนองนี้
และ WordPress ก็มีธีมให้เลือกอยู่เต็มไปหมด แล้วแต่เราอยากจะได้ว่าจะใช้ตัวไหน ได้แก่ ธีมฟรี ธีมเสียเงินซื้อ กับธีมที่อยากจะทำขึ้นมาเอง
[thetext]จะเลือกใช้ธีมแบบไหนต้องดูว่าเราต้องการอะไร[/thetext]
ก่อนที่จะทำเว็บทุกครั้ง สิ่งสำคัญคือการวางแผนครับ การวางแผนที่ดี ช่วยให้เราเข้าใจระบบและเนื้องานรวมไปถึงความต้องการของตัวเองได้ หนึ่งในการวางแผนนั้นก็คือการลองตั้งคำถามดูครับว่า
- เว็บของเราทำมาเพื่ออะไร? เช่น เอาไว้ขายของ เอาไว้เขียนบล็อก เอาไว้อัพรูป บลาๆ
- เว็บของเรา มีใครเป็นกลุ่มเป้าหมายในการเข้ามาใช้งาน คนเหล่านั้นคาดหวังจะได้เห็นอะไร เช่น ถ้าจะทำเว็บขายเสื้อผ้า เขาก็คาดหวังจะได้เห็นรูปสินค้าสวยๆ
- เว็บทั่วไปนั้นมีปัญหาอะไรบ้าง และเราสามารถเอามาแก้ไขในเว็บของเราได้อย่างไร เช่น เว็บทั่วไปเปิดดูในมือถือยาก ตัวอักษรก็เล็ก คนแก่อ่านยาก เป็นต้น
- โทนสีที่จะใช้บนเว็บจะเลือกชุดสีไหน
- ข้อมูลที่จะเอาลงในเว็บมีอะไรบ้าง แยกไปเป็นแต่ละหน้าเลยยิ่งดีครับ เช่นหน้าหลัก อยากจะเอาอะไรลง หน้าอื่นๆ เอาอะไรลง
- หน้าตาเว็บในแต่ละอุปกรณ์ที่เข้าถึงเว็บไซต์แสดงผลแบบไหน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในคำถามชี้นำนะครับ จริงๆมันมีเยอะแยะมากเลย ยิ่งเราเข้าใจวัตถุประสงค์ของเรามากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เราชัดเจนในการเลือกใช้ธีมมากขึ้นเท่านั้นครับ
[thetext]ธีมฟรี[/thetext]
หากว่าเรากำลังเริ่มต้นศึกษา WordPress อยากจะรู้ว่ามันทำงานอย่างไร ใช้งานอย่างไร อยากได้เว็บมาทำเป็นเว็บแบบง่ายๆ เพื่อการเรียนรู้ หรือเพื่อการใช้งานแบบเริ่มต้น ไม่ต้องการลูกเล่นอะไรมากมายนัก การใช้ธีมฟรี เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะว่าธีมฟรีก็มีให้เลือกใช้เยอะแยะ และลูกเล่นพื้นฐานก็มาครบถ้วน ได้แก่พวกการได้อัพรูป อัพวีดีโอ เขียนบทความ เป็นต้น แต่เนื่องจากเป็นธีมฟรี ลูกเล่นอลังการ หรือลูกเล่นที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับตัวองค์กรของเราเองนั้นก็อาจจะไม่มีให้เลือก และเราต้องเข้าใจด้วยครับว่า ธีมฟรีนั้นใครๆก็โหลดได้ จึงมีโอกาสสูงมากที่หน้าตาเว็บของเราจะไปซ้ำกับหน้าตาเว็บของคนอื่น
อีกข้อได้โปรดจำไว้นะครับว่า ธีมฟรี กับธีมเถื่อนแจกฟรี นั้นมันไม่เหมือนกัน ธีมฟรี สามารถหาได้ในเว็บ wordpress.org หมวดหมู่ Theme ได้เลยครับ แต่พวกธีมเถื่อนแจกฟรี ผมว่าอย่าไปดาวน์โหลดมาเลยนะครับ มันไม่คุ้มเลย พวกธีมเถื่อนที่เอามาแจกฟรีเสี่ยงมากกับการถูกโดนฝังโค้ดแปลกๆ เอาไว้เจาะระบบของเว็บไซต์เรา เลือกให้ดีๆนะครับ
[thetext]ธีมพรีเมียม ที่มีวางขาย[/thetext]
ธีมพรีเมียมในท้องตลาดทุกวันนี้มีดีไซน์ที่โดดเด่นและลูกเล่นก็เจ๋งมากๆเลยครับ ราคาธีมแต่ละชิ้นก็ไม่แพงด้วย และธีมเหล่านี้ก็สร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญในสายงานนี้ครับ ส่วนใหญ่จะเข้าใจความเป็นไปของเว็บไซต์ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากมีเว็บสวยๆ ลูกเล่นเจ๋งๆ และอยากได้เว็บในราคาที่ไม่แพงมากนัก พร้อมกับได้เว็บมา “เร็ว” มากขึ้น เวลาซื้อธีมเราสามารถอ่าน Review ได้ด้วยครับ
ตัวอย่างธีมพรีเมียม 1992 by Beautheme
แต่อย่างไรก็แล้วแต่นะครับ จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้ธีมพรีเมียมในการทำงาน ผมยอมรับว่ามันเจ๋งมากๆในเรื่องดีไซน์และความเร็วในการพัฒนาเว็บ เพราะเขามีลูกเล่นมาให้อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องเลือกว่าจะเอาตัวไหนที่มันตรงกับดีไซน์ใกล้เคียงที่เราอยากได้มากที่สุด เพราะมันมีเกลื่อนเลย เลือกกันจนตาแฉะ และอีกอย่างคือข้อดีของมันคือมันทำมาเพื่อให้คนใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้ธีมบางธีม ลูกเล่นเยอะจนเวอร์ครับ พอลูกเล่นหรือความสามารถเยอะเกินความต้องการ มันเลยกลายเป็น “สิ่งที่ไม่จำเป็น” จากเว็บที่ควรจะใช้ง่ายๆ ก็กลายเป็นว่าเป็นเว็บที่ใช้ยากไปซะอย่างนั้น จากข้อดี เลยกลายมาเป็นข้อเสียครับ ยิ่งถ้าเป็นเว้บที่อยากซื้อมาแล้วปรับเปลี่ยนโครงสร้างโดยโครงสร้างแทบจะแตกต่างจากตัวธีมอย่างสิ้นเชิง มันทำไม่สะดวกนัก (ทำได้ แต่เยอะ)
ดังนั้นธีมพรีเมียม เหมาะมากสำหรับงานที่ดีไซน์ใกล้เคียงกับตัวธีม ไม่ต้องการปรับแต่งที่แตกต่างจากธีมมากมายนัก
[thetext]ธีมทำใหม่สำหรับงานเราโดยเฉพาะ[/thetext]
สำหรับคนที่ต้องการเว็บที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองโดยเฉพาะ ไม่ซ้ำแนวกับใคร ใช้ไอเดียเก๋ไก๋ได้เต็มที่ แน่นอนครับว่าก็ต้องทำธีมขึ้นมาสำหรับเว็บเราเอง ธีมที่สร้างขึ้นมาเองมักจะเป็นธีมที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุดแล้วครับ เพราะเรารู้อยู่แล้วนี่ว่าเราอยากได้เว็บแบบไหน มีลูกเล่นยังไง ตรงไหนแสดงอะไร ทำให้ส่วนใหญ่ธีมจะไม่มีอะไรเยิ่นเย้อครับ แต่ด้วยความที่เป็นธีมที่สร้างขึ้นสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ ราคาก็จะแพงขึ้นมา เพราะต้องเริ่มตั้งแต่ดีไซน์ใหม่ เขียนโค้ดใหม่ตั้งแต่ต้น เวลาที่ใช้ก็จะมากขึ้นไปด้วยครับเมื่อเทียบกับธีมรูปแบบอื่นๆ
ถ้าให้ผมสรุปว่าธีมไหนดีกว่ากัน ผมว่าสรุปยากนะครับ เพราะแต่ละรูปแบบมันก็มีดีของมัน มันอยู่ที่เรานั่นแหละครับว่าความต้องการของเราคืออะไรกันแน่ เรามีงบมากน้อยแค่ไหน มีเวลาในการทำเว็บเท่าไหร่ ทำวันนี้อยากเสร็จพรุ่งนี้ลูกเล่นเรียบง่าย ก็ใช้ธีมฟรีได้เลย ถ้าทำวันนี้ เสร็จพรุ่งนี้ลูกเล่นแพรวพราว ดีไซน์สวยๆก็ซื้อธีมพรีเมียม แต่ถ้ามีเวลาพอ อยากได้เว็บที่มองแล้ว นี่แบรนด์เราโดยเฉพาะเลย ก็ใช้ธีมที่สร้างใหม่ครับ
สิ่งสำคัญที่เราควรตระหนักก็คือ “ความต้องการ” ของเรานั่นแหละครับ ดังนั้นหากเราสามารถลิสต์ความต้องการเว็บของเราได้ละเอียดเท่าไหร่ การเลือกธีมที่เหมาะสมก็จะยิ่งตอบโจทย์ได้มากขึ้นเท่านั้น
เว็บง่ายๆ สไตล์บลอกเกอร์ ธีมฟรี ตอบโจทย์
เว็บธุรกิจขนาดย่อม ลูกเล่นพอประมาณ เน้นความสวยงาม อยากได้รวดเร็ว ธีมพรีเมียม
เว็บขนาดใหญ่ ลูกเล่นและความสามารถเริ่มซับซ้อน มีงบมากพอในการจ่ายเงิน ก็ทำธีมพรีเมียมโลดครับ