สวัสดีครับผม เป็นอย่างไรกันบ้าง สบายดีกันหรือเปล่าเอ่ย? วันนี้ผมพักเบรคจากเรื่องราวการทำเว็บ มาเป็นเรื่องราวเบาสมองนิดหน่อยนะคับ เพราะว่าอยากจะเอามาบันทึกไว้ในช่วงหนึ่งของชีวิตว่า เราได้ทำอะไรบ้าง
หลังจากที่กลับบ้านไปช่วงสงกรานต์ ผมก็ได้พูดกับพ่อแม่ว่า มันจะเข้าหน้าฝนแล้วเนาะ บ้านเราก็ถมที่ซะสูงเกินหน้าเกินตาชาวบ้าน ฮ่าๆ ทีนี้ถ้าหน้าฝนมาผมเองก็กังวลว่าดินที่ถมไว้มันจะถูกน้ำพัดพาไปเสียหมด ซึ่งพ่อกับแม่ผมก็เองก็บอกว่า มันเป็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นแน่นอนถ้าน้ำไหลหลาก เพราะหมู่บ้านผมก็มีประวัติน้ำท่วมอยู่บ่อยๆ แม้จะไม่ได้ท่วมขังอย่างที่เป็นข่าว แต่ระดับน้ำก็ค่อนข้างน่ากังวลกับการต้องสูญเสียดินที่อุตส่าห์จ้างรถมาถมให้
ผมก็เลยสร้างรั้วปูนรอบบ้าน เพื่อกันดินครับ และนั่นคือจุดเริ่มต้นกับการปรับปรุงบ้านของเราในรอบนี้
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ปีนั้นเป็นปีแห่งการทำบ้านจริงๆครับ เริ่มตั้งแต่ถมที่ดิน ทุบบ้านส่วนหนึ่ง สร้างเพิ่มอีกทั้งห้องนอนพ่อแม่ชั้นล่าง ห้องครัว ห้องน้ำ รวมไปถึงออฟฟิศส่วนตัวเอาไว้นั่งทำงานเวลากลับบ้าน
บ้านหลังเดิมของผมนั้นเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูงครับ ตามสไตล์บ้านแถบอีสานบ้านเฮา แต่ว่าพอพ่อแม่อายุมากขึ้น การเดินขึ้นลงบนบ้านก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ พ่อก็เลยอยากได้ห้องนอนชั้นล่างแทนครับ แต่ผมก็ไม่อยากทำบ้านแบบทึบ เพราะอยากให้มีใต้ถุน จะได้ให้ลมมันไหลผ่านได้ ไม่งั้นร้อนมากๆ อีกอย่าง เราสามารถนั่งทำกิจกรรมใต้ถุนบ้านได้ด้วย
ผมเองก็ชอบสีไม้ธรรมชาติมากครับ แต่ใจหนึ่งก็อยากจะทำให้มันฉีกจากที่เคยมี ก็เลยคุยกับพ่อแม่และน้องชายอีกครับว่า ทาสีบ้านเป็นสีน้ำเงินดีไหม? ซึ่งสีที่ผมชอบก็จะเป็นสี Urban Twilight Blue คับ โชคดีที่บ้านผมนั้นพ่อกับแม่และน้องชายมีรสนิยมใกล้เคียงกัน และมักจะให้ผมสามารถตัดสินใจได้เลย จึงทำให้การเริ่มต้นทาสีบ้าน และทำรั้วบ้านครั้งนี้เกิดขึ้น
ด้วยความที่พ่อผมนั้นท่านเป็นช่างอยู่แล้ว รอบนี้ท่านก็จะทำเองอีกครับ แต่ผมบอกพ่อว่า พ่อ ผมรู้ว่าพ่อสามารถทำคนเดียวได้ แต่ตอนนี้พ่ออายุเยอะแล้ว ผมไม่อยากให้พ่อต้องเหนื่อย การยกปูน ทำงานกลางแดดที่ร้อนอย่างกะทะเลทรายเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับคนสูงวัยเลย เราจ้างคนมาช่วยงานได้ พ่อผมก็อิดออดครับ กลัวลูกจะหมดตังค์เยอะ ฮ่าๆ แต่สุดท้ายก็ได้น้องชายและรุ่นน้องมาช่วยพ่อครับ ก็เลยเป็นกิจกรรมสานความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวไปครับ ที่บ้านออกแรง ส่วนผมออกเงิน
เริ่มต้นด้วยการที่พ่อเทปูนก่ออิฐทำรั้วก่อนครับ เป็นกำแพงรั้วที่สูงมากจริงๆครับ เพราะเราถมที่กันสูงมาก สูงจนเกือบมิดหลังคาห้องน้ำแหนะคับ นี่ในภาพคือบ้านผมที่ถูกถมที่เพิ่มเกือบเมตร ก่อนหน้านี้บ้านมีใต้ถุนสูงมาก ภาพด้านบนหน้าต่างบ้านเป็นกระเบื้องแผ่นเรียบครับ ตอนแรกผมว่าจะไปสั่งหน้าต่างจากบาหลีมา แต่ค่าส่งแพงมากครับ เลยพับโปรเจค ฮ่าๆ รู้สึกว่าเอาหน้าต่างแบบทั่วไปก็ได้แหละ
ด้วยความที่ผมอยู่กรุงเทพฯ การติดตามงานจึงผ่านการโทรศัพท์และคุยไลน์ครับ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยนี้ที่ทำให้เราติดต่อกันง่ายขึ้น ครั้งแรกก็เกิดปัญหาครับ นั่นก็คือ “สีที่ซื้อมาไม่ใช่สีที่ผมต้องการ!!” ไอ้การเลือกสีนี่ก็โอ้โห ยากมากเลยครับ เพราะตอนนั้นผมก็ไม่รู้ด้วยแหละว่ามันต้องดูยังไง ผมเข้าใจว่าเราเอาภาพตัวอย่างที่เราต้องการให้พนักงานดู แล้วเค้าก็จะมีเครื่องมือเท็สสีอะไรแบบนี้ ปรากฎว่า ไม่ใช่ครับ ได้สีมาที่เห็นแล้วต้องส่ายหัว ผมเลยไปค้นในเว็บครับว่าโลกสมัยนี้ ยังไม่มีเทคโนโลยีช่วยเรอะ โชคดีที่เว็บ TOA มีครับ คือดีมาก แนะนำเลยครับสำหรับใครที่มีสีตัวอย่างในดวงใจ แค่เอารหัสสีที่เราดูดจาก Photoshop ไปใส่ระบบก็จะค้นหาสีที่ว่าให้เองครับ อลังการมาก และสีที่ผมต้องการก็คือสีหมายเลข 7333 Urban Twilight ครับ ของซุปเปอร์ชิลด์ สรุปต้องไปซื้อสีสองรอบ รอบแรกใช้งานไม่ได้ 555
ลิงค์ ค้นหาเฉดสี มีประโยชน์มาก
https://www.toagroup.com/find-palette/ค้นหาจาก-color-code?c=rgb
หลังจากได้สีที่ตรงตามความต้องการแล้วก็เริ่มทาเลยครับ ทากันสองรอบ โดยผมต้องการให้เป็นสีน้ำเงินที่มีสีขาวมาตัดครับ ใช้เวลาในการทาสีกันหลายวัน เพราะต้องขัดไม้อะไรด้วย ประกอบกับบางวันก็ฝนตกหนัก ก็ไม่ได้ทาเยอะครับ ระหว่างนี้ก็ทาไป วันไหนฝนตกหนักก็ไปหาจับกบจับอึ่งอ่างมาย่างกินครับ แซ่บหลายเด้อ
พอทาสีตัวบ้านไม้เสร็จแล้ว ต่อไปก็คือเปลี่ยนหน้าต่างใหม่ครับ ครั้งนี้ได้น้าชายมาช่วยครับ เพราะหน้าต่างก็หนัก พ่อผมเองก็ไม่ค่อยมีกำลังแขนสักเท่าไหร่ แต่พ่อก็ไปช่วยยกช่วยทำโน่นทำนี่สไตล์พ่อผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง (ผมรู้แล้วว่าผมได้นิสัยนี้จากใคร ฮ่าๆ)
ผมเคยถามพ่อนะครับว่า ทำไมพ่อถึงต้องทำโน่นทำนี่ พ่อบอกว่า พ่อทำงานมาทั้งชีวิต จะให้อยู่เฉยๆมันอยู่ไม่ได้หรอกลูกเอ้ย อีกอย่าง นี่หนะเป็นบ้านที่ลูกตั้งใจทำให้พ่อแม่ แค่นี้พ่อก็ปลื้มใจมากแล้ว พ่ออยากทำด้วยฝีมือพ่อเสียด้วยซ้ำ อะไรที่พ่อทำได้พ่อก็ทำนี่แหละ อย่าห้ามเลย โอเคครับ สงสัยก็จริง คนแก่อยู่เฉยๆเดี๋ยวก็ปวดนั่นปวดนี่ แต่พอได้ทำงาน เออ ไม่เห็นจะเจ็บป่วยเลย ความสุขของพ่อเนาะ
ติดหน้าต่างเสร็จแล้ว ก็เป็นงานกระจกครับ ครั้งนี้ได้คุณอา ช่างกระจกฝีมือเนี๊ยบประจำชุมชนมาช่วยครับ อาท่านนี้ทำงานละเอียดมาก พิถีพิถันสุดๆ แต่ก็อารมณ์ร้อนเหมือนกันคับ ถ้าไม่ได้ดั่งใจ แกทุบทิ้งเลย ว้อท!! ฮ่าๆๆๆ ผมละลุ้นมากกว่า อาจะทุบกระจกผมทิ้งไหมเนี่ย ผมไม่อยากเหมารถไปซื้อของใหม่นะครับอา ฮ่าๆ จริงๆ โชคดีครับ รอด ฟู่ว!!
ตอนแรกนึกว่างานติดกระจกหน้าต่างจะใช้เวลาไม่เยอะ เอาไปเอามาก็ใช้เวลาสามวันครับ ระหว่างนั้นด้านล่างก็ทาสีบ้านปูนไปครับ สีน้ำเงินเดียวกัน ใช้สีขาวตัดครับผม
ทุกคนขยันขันแข็งมากครับ น้าที่มาช่วยงานบอกน้องชายผมว่า “เวลาถ่ายรูป ก็ถ่ายตอนน้าทำงานกลางแดดบ้าง ไม่ใช่ถ่ายแต่ตอนอยู่ในร่ม เดี๋ยวเขาจะเข้าใจผิดว่าน้าไม่ทนแดดทนฝน” แล้วก็พากันหัวร่อกัน
และแล้วส่วนที่เป็นตัวบ้านก็เสร็จเรียบร้อยครับกับการทาสีใหม่ ใช้เวลาสิบกว่าวัน น้องชายผมถ่ายภาพมาให้ผมดูตลอด ผมก็แฮปปี้มาก ก่อนหน้านั้นน้องผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถ่ายภาพให้ผมดูทุกวันด้วย ผมบอกว่า เพราะว่าจะได้ช่วยดู ถ้าเจอจุดต้องแก้ไขจะได้แจ้งได้ทันที เช่น เห็นไหม ถ้าไม่ส่งรูปมา ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าซื้อสีผิด ดังนั้นทุกเย็น น้องชายก็จะส่งรูปให้ผมทางไลน์ตลอด
ผมโทรคุยกับที่บ้าน ได้ยินน้ำเสียงอันมีความสุขของพ่อกับแม่ก็ชื่นใจครับ ผมถามว่าชอบไหม ท่านทั้งสองก็ตอบว่าชอบสิ สีสวยดี ไม่เหมือนชาวบ้าน แต่บางคนก็มาถามแม่นะว่า ทำไมไม่ใช้สีชมพู ผมก็บอกว่า แม้ผมจะจบจุฬาฯ ผมก็ไม่ได้บ้าสีชมพูขนาดนั้น 55 แล้วก็มีหลายๆคนมาขอถามว่าใช้เบอร์สีอะไรจะได้เอาไปใช้กับบ้านตัวเองบ้าง
ส่วนตัวผมเองนะหรือ? ผมก็ดีใจและภูมิใจนะครับ ที่ผมก็ทำให้พ่อแม่ได้มีความสุขไปอีกอย่าง ผมก็บอกกับพ่อแม่ตลอดว่า พ่อแม่เลี้ยงผมมา พอผมตั้งตัวได้ก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ตอบแทน ดังนั้นอะไรที่ทำแล้วผมว่าพ่อแม่ยิ้มได้ ผมก็ยินดีทำ แม้พ่อกับแม่ผมก็บ่นอิดออดว่า หมดเงินเยอะ แต่ผมก็บอกพ่อแม่ไปว่า อะไรที่ผมบอกว่าผมจะทำ นั่นหมายถึงผมวางแผนแล้วแหละ อย่างรอบนี้ ผมก็ต้องเก็บเงินเพื่อที่จะทำอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง
ตอนนี้บ้านก็เสร็จละคับ เหลือแค่ส่วนรั้วครับ
พอมานึกๆดู สมัยก่อนตอนที่ผมตัดสินใจมาเดินสายฟรีแลนซ์ตั้งแต่เรียนจบ ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักด้วยซ้ำว่าฟรีแลนซ์คืออะไร จะมั่นคงไหม เลี้ยงชีพได้หรือเปล่า มีลุงท่านหนึ่งมาเล่าให้ผมฟังภายหลังว่า ตอนนั้นลุงนะคิดหนักแทนสนเล๊ย ว่าจะไปได้สักกี่น้ำน้อ แต่นี่ก็เป็นสิบปีแล้ว และผมว่ามันก็พิสูจน์อะไรได้หลายๆอย่าง . ผมอยากจะเล่าเรื่องราวของผมให้กับทุกคนที่ติดตามว่า ต้นทุนชีวิตที่เราเกิดมานั้นไม่เท่ากัน ผมเองก็ไม่ได้เกิดมาร่ำรวยเลย เป็นลูกชาวนาคนหนึ่ง แถมช่วงที่เรียนหนังสือคือพ่อผมป่วยหนักมาก จนทำนาไม่ได้ หยิบยืมเงินนอกระบบมารักษาด้วย ส่งผมเรียนด้วย แม่เองก็ต้องออกจากหมู่บ้านมาทำงานเป็นสาวโรงงาน แต่ผมว่านะ สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่ตัวเราว่าเราจะสู้กับมันได้แค่ไหน อย่าไปเทียบกับคนอื่นเยอะครับ เพราะแต่ละคนมันเริ่มไม่เท่ากัน ยิ่งใครที่ผ่านความลำบากมาตั้งแต่เด็ก ลึกๆผมว่าพวกเราต่างก็มีภูมิต้านทาน มีความอดทนไม่น้อยนะครับ
ผมเคยอ่านหนังสือของอาจารย์คิมรันโด ท่านพูดได้จับใจผมมากว่า “เราแต่ละคนก็เหมือนกับดอกไม้คนละสายพันธุ์ ที่มีวันบานแตกต่างกัน สักวันมันก็ต้องเป็นวันของเรา ขอแค่เราอย่ายอมแพ้ไปเสียก่อน” ที่พูดมานี่ไม่ได้จะอวดตัวเองนะคับ อย่าเข้าใจผิด แค่อยากจะเล่าว่านี่ผมเองก็ลูกชาวนาจนๆคนหนึ่ง ยังสามารถทำได้ คนอื่นๆก็ทำได้ ขอแค่รู้จักวางแผน วาดฝันในอนาคตแล้วกำหนดทิศทางเดินเพื่อให้ไปถึงฝันครับ
“ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง”
ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องราวช่วงหนึ่งในชีวิตของผม ขอบคุณมากครับ
>>>แวะมาอัพเดทเพิ่มเติมเดือนสิงหาคมครับ
ตอนนี้ทำบ้านเรียบร้อยแล้วครับ ออกมาได้สวยสมใจนึกมากเลยครับ ซึ่งเป็นการทำรั้วบ้าน ปรับสวนหย่อมใหม่ และทำห้องนอนด้านบนให้น้องชายด้วยครับผม
รั้วบ้านครับผม เน้นใช้สีขาวกับเขา เพราะชอบโทนนี้ครับ ตอนออกแบบผมคิดว่าถ้าคลุมสีเป็นน้ำเงินดาร์ค เทา ขาว จะได้ตัดกับตึกออฟฟิศผมที่เป็นสีน้ำตาล พอทำออกแล้วก็ประทับใจที่สุดครับ หายเหนื่อยจากการจ่ายเงินก้อน ฮ่าๆ
ส่วนด้านบนบ้าน เนื่องจากผมเองก็นอนที่ออฟฟิศเวลากลับบ้าน ด้านบนบ้านเลยกลายเป็นของน้องชายไปเลยคับ แต่แม่บอกว่าบ้านบนบ้านด้วยความที่เป็นไม้ผนัง ทำให้การทำความสะอาดยาก ถ้าเป็นผนังเรียบก็น่าจะดีกว่า ผมก็เลยเลือกใช้แผ่นสมาร์ทบอร์ด ในการทำผนังครับ
สภาพบ้านด้านบนครับ ได้เวลารีโนเวทแล้วแหละครับ มาดูกันเลย ครั้งนี้น้องชายกับพ่อผมเป็นคนจัดการครับ ผมก็ทำหน้าที่เช่นเคยคือออกแบบและจ่ายเงิน ฮ่าๆๆ
การเลือกใช้ผนังแบบนี้ก็ดีตรงที่ประหยัดเวลาไปได้เยอะครับ ผนังเรียบออกมาสวยด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องวางระนาบให้ดี เพราะบ้านตอนที่ทำครั้งแรก พ่อทำคนเดียว บ้านจึงไม่ได้ระนาบในแนวดิ่งสักเท่าไหร่ เบื้องหลังก็ต้องหาไม้มาเสริม วัดระดับน้ำกัน เสียเวลาไปวันสองวันเลยคับ
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วครับผม ฝุ่นคลุ้งมาก
วันถัดมาทำเพดานห้องครับ ครั้งนี้ต้องให้คนมาช่วย ก็ได้คุณน้ามาช่วยครับผม ผมโชคดีตรงที่มีญาติพี่น้องที่เก่งเรื่องช่างหลายคน แต่ละคนก็มาช่วยคนละไม้คนละมือ
หลังจากนั้นก็ต้องมีการทำพื้นใหม่ด้วยครับ เพราะว่าพื้นเดิมไม้มันห่างแล้ว ร่องเริ่มใหญ่ขึ้น ผมเลือกใช้ไม้อัดในการปู เพราะคิดว่าถ้าปูดีๆ ตีให้แน่นๆ ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาครับ
นี่ครับ ปูเสร็จแล้ว สวยงามดังคาด ลายไม้เป็นแบบโบราณๆ สีไม่เหมือนกัน เพราะไม่อยากให้ดูจงใจมากไป อยากให้เหมือนเป็นบ้านที่ใช้ไม้เก่าๆมาปู แบบลายไม้ได้ตามมีตามเกิด ฮ่าๆ
ถัดจากนั้นก็ทำเตียงนอนครับ เมื่อก่อนเรานอนฟูก เพราะว่ามันเก็บง่าย แต่น้องชายบอกว่าอยากได้เตียงนอน ครั้งนี้ก็ได้พ่อมาทำครับ เพราะพ่อเป็นช่างไม้อยู่แล้ว ใช้เวลาทำหนึ่งวันครับ สุดยอดมาก ไม้ทำโครงเตียงใช้ไม้ที่มีอยู่แล้ว ส่วนไม้ที่ไว้นอน ก็เป็นไม้อัดขนาด 15mm คับ หนาดีมาก
เสร็จแล้วครับ ห้องนอนแมนๆ ลมพัดเย็นสบาย ตอนกลางคืนนอนดูดาวไปเลย ที่นอนซื้อมาจากโลตัสครับ ง่ายดี ฮ่าๆๆ
คุณแม่ผมนี่ยิ้มแป้นเลยครับ บอกว่าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้บ้านสวยๆกับเค้า แม่ลำบากตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นลูกคนโต ต้องคอยเลี้ยงน้อง เป็นเสาหลักของครอบครัว พอแต่งงานก็ต้องคอยเลี้ยงดูผมกับน้อง ตอนนี้ก็ได้เวลาผมเลี้ยงดูพ่อแม่บ้างแล้วครับ
ภาพเปรียบเทียบ ภาพบนเมื่อปี 2016 ตอนนั้นปรับปรุงด้วยการถมที่อีกเมตรกว่า ทำห้องน้ำใหม่ ทำห้องพ่อแม่ใหม่ครับ ภาพล่างคือภาพปีนี้คับผม
ส่วนสวนหย่อมก็จัดใหม่ครับ ด้านบนมีปัญหาคือมดเยอะมาก ต้นโป๊ยเซียนคือแหล่งชุมนุมของมด เลยรื้อออกและทำให้ดูโล่งมากขึ้น
โครงการถัดไปจะมีการปรับภูมิทัศน์หลังบ้านด้วยคับ รอให้พ้นหน้าฝนก่อน และนี่แหละคับบันทึกการปรับปรุงบ้านของผม