ช่วงสองสามปีมานี้ ถ้าเราเข้าไปยังร้านหนังสือ จะเห็นหนังสือแนวๆ การเป็นอิสระภาพทางการเงิน การงานออกมาเยอะมากครับ เยอะเสียจนไม่รู้ว่าจะเลือกอ่านของใครดี ผมเองก็เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ก็มีโอกาสได้อ่านหลายเล่ม แต่มีอยู่สองเล่มที่ผมอ่านแล้วรู้สึกว่า เขียนได้ดี ค่อนข้างชอบ นั่นก็คือ “การลาออกครั้งสุดท้าย” กับ “งานไม่ประจำทำเงินกว่า”
สำหรับการลาออกครั้งสุดท้าย ผมอาจจะไม่ได้อินมากเท่าใดนัก เพราะก็ไม่เคยสัมผัสการเป็นลูกจ้างแบบเต็มเวลา แต่ก็พอจะเดาได้จากการสังเกตเพื่อนฝูง ที่เหมือนชะตากรรมคล้ายๆกับที่นักเขียนได้พูดถึง หนังสือเล่มนี้ก็เป็นต่อมกระตุ้นให้บรรดาเพื่อนๆที่ทำงานประจำ แทบจะลาออกมาเป็นเจ้านายตัวเองกันเลยทีเดียว
หนังสืออีกเล่ม งานไม่ประจำทำเงินกว่า หนังสือเล่มนี้กระแทกใจผมอย่างแรง ผมชอบสำนวนของคนแต่งด้วย อ่านแล้วก็เออแฮะ ได้ไอเดียเยอะดี ผมเองก็ชอบมากๆ ไอ้เรื่องทำเงินกว่าหรือไม่ อันนี้แล้วแต่ตัวบุคคล แต่สำหรับผม “งานไม่ประจำที่ทำอยู่ ทำแล้วโคตรมีความสุข” ครับ
ตอนที่ผมตัดสินใจออกมาทำงานเป็นฟรีแลนซ์ รู้ไหมครับว่า มีหลายคนก็กังวลแทนตัวผม ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง คนรู้จัก เพราะอาชีพฟรีแลนซ์ในยุคนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคยสำหรับสังคมแวดล้อมรอบตัวผมเลย พ่อแม่ผมเองก็คาดหวังว่า อยากให้ลูกได้ทำงานประจำ มีเงินเดือนดีๆ หรือถ้ารับอาชีพราชการเลยได้ก็ยิ่งดี (ข้อหลังเนี่ย ผมเซย์บาย เพราะไม่ใช่สไตล์ครับ ฮ่าๆ) ส่วนเพื่อนๆ ก็มองว่า มันจะมั่นคงป่าววะ อาชีพฟรีแลนซ์ไม่มีเงินเดือน ยิ่งจบมาใหม่ไม่มีเงินทุน มันจะคุ้มหรือเปล่า
แต่ด้วยผมเคยทำงานมาตั้งแต่ระหว่างเรียนครับ คือมีโอกาสได้ทำงานเป็น Out source ให้กับบริษัทออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ของแคนาดา และผมรับงานออกแบบจากประเทศอังกฤษมาทำด้วย (เคยเห็นสินค้าที่ผมเองเป็นคนออกแบบ นำเข้ามาขายในไทย เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ว่าเห้ย ลายนี้ผมนี่แหล่ะเป็นคนทำ ฮ่าๆ) ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องตลาดของวงการนี้ และผมก็มองว่า อาชีพฟรีแลนซ์มันตอบโจทย์ Life Style ของผมมาก เพราะผมไม่ชอบการต้องไปนั่งทำงานในห้องสี่เหลี่ยม งานออกแบบ บางครั้งมันต้องใช้ความคิด ใช้แวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้สมอง แล้วการต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพื่ออาบน้ำแต่งตัว ไปต่อคิวนั่งรถไปเข้าออฟฟิศ ใชชีวิต nine to five มันเป็นอะไรที่ยังไม่ใช่สำหรับผม แต่ฟรีแลนซ์ เราคือเจ้าของชีวิต ถ้ามันจะล่ม ก็คือเรานั่นแหล่ะที่ทำตัวเราเอง
ส่วนเรื่องความมั่นคง ผมมองว่า ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งขึ้นอยู่บนสัจจธรรมที่ว่า “ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง” ครับ ไม่มีสิ่งใดที่จะจีรังยั่งยืน ผมเคยเจอมาแล้ว คนรวยล้นฟ้า แต่ก็กลับมาเป็นคนจนร้นแค้น เพราะพิษเศรษฐกิจ ดังนั้นมั่นคงหรือไม่มั่นคง เราคงบอกให้ชัดเจนไม่ได้ แต่ตัวเราเองก็ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ผมมองว่ามันเป็นเรื่องท้าทายในชีวิตดีนะครับ ลุ้นกันว่า เอ๊ะ จะมีตังค์ซื้อข้าวกินหรือเปล่าวะ อ่าๆ
ในตอนนั้น เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับนิสิตจบใหม่สายวิทยาการคอมพิวเตอร์ ก็ราวๆ 18,000 – 20,000 บาทครับ ผมก็คิดเล่นๆว่า ปกติแล้วเนี่ย เว็บที่ผมรับทำ มันก็เริ่มต้นไม่ต่ำกว่าราคาพวกนี้อยู่แล้ว แล้วผมมีเวลาตั้ง 365 วัน ผมจะหาแค่ 12 โปรเจ็ค ไม่ได้เลยเหรอ? ตอนนั้นก็ฮึดสู้ครับ คิดแล้ว ลุย นี่แหล่ะ ลองสักตั้ง อย่างน้อยก็คือชีวิตที่เราได้เลือกเอง
ผ่านมาแล้วเป็นระยะเวลา 4 ปี สำหรับการเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว ชีวิตตอนนี้ผมมีความสุขมากๆ ผมแบกเป้ใส่ macbook ตัวโปรด เดินทางไปนั่งทำงานชิลๆ ออฟฟิศของผมเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ บางครั้ง ผมไปนั่งทำงานริมทะเล บางทีก็นั่งเขียนโค้ดอยู่ริมทะเลสาบ Marina bay แบกเป้ไปนั่งหาไอเดียที่บาหลี ไปเดินดูงานอาร์ตตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ แล้วมาประยุกต์กับงานตัวเอง คือผมรู้สึกว่าผมได้ใช้ชีวิตที่เป็นชีวิตตัวเองจริงๆ ชีวิตที่ค่อนข้างลงตัวมากๆ ระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตประจำวัน
ผมมีความฝันหลายอย่างครับ ถ้าโฟกัสเฉพาะเรื่องงาน ผมไม่ได้คิดจะทำแค่เป็นนักออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์นะครับ ผมฝันอยากเป็น consult ในเรื่องนี้ด้วย ผมอยากเป็น trainer ด้วย ผมชอบพูด ผมชอบเขียน ผมชอบเล่าเรื่อง วันหนึ่ง ผมฝันว่าจะมีหนังสือของตัวเอง (รอดูว่าจะเป็นจริงในวันไหน)
เมื่อผมไปบรรยายเกี่ยวกับ Life Style ของผม (ซึ่งผมเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะมีคนอยากให้ผมไปเล่าเรื่องราวให้ฟังเยอะขนาดนี้ ฮ่าๆ) ชีวิตฟรีแลนซ์มันเป็นอย่างไร คำถามที่คนฟังอยากจะรู้หนึ่งในนั้นก็คือ “ความมั่นคงทางการเงิน” ผมคงไม่สามารถพูดแทนฟรีแลนซ์ทุกคนบนโลกใบนี้ได้ เพราะแต่ละอาชีพมันมีสไตล์ที่แตกต่างกัน ค่าตอบแทนในผลงานก็ต่างกันด้วย แต่สำหรับผม ผมมองว่า “เราคือคนสร้างความมั่นคง” ครับ ถ้าเราขยัน ทำงานออกมาดี บริหารเงินเป็น ผมว่ามันมั่นคงนะครับ เมือเราเก่งขึ้นเราก็จะมีคนรู้จักมากขึ้น นั่นก็หมายถึงงานที่มีโอกาสเข้ามามากขึ้น ค่าตอบแทนก็จะมีมาเรื่อยๆครับ
แต่โดยทั่วไป เรามักจะไม่สร้างรายได้เพียงทางเดียวหรอกครับ ฟรีแลนซ์บางครั้งมีเวลาว่างเยอะครับ ก็สร้างโปรดักส์ใหม่ขึ้นมาด้วยก็ได้ อย่างผมเมื่อวางผมก็จะเปิดคอร์สสอนทำเว็บครับ มันโอเคมาก แต่ให้ผมสอนทุกวันก็ไม่ไหว เพราะว่าการสอนแต่ละครั้ง เหมือนถูกดูดพลังชีวิต (คือตอนสอนไม่เท่าไหร่ครับ แต่หลังจากสอนเสร็จ โอ้โห แทบสลบ แต่ผมก็ชอบสอนนะครับ เพียงแต่ให้สอนติดต่อกันเหมือนงานประจำ คงไม่รอด) ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งโปรดักส์ที่ผมสร้างขึ้นมา และนอกจากนี้ผมก็รับเป็นวิทยากรบรรยายด้วย ก็มีความสุขดีครับ
งานไม่ประจำ ทำแล้วมีความสุขมากจริงๆครับ หากใครที่กำลังลังเลว่าจะลองมาเสี่ยงชะตาชีวิต ก้าวมาสู่โลกนักทำงานอิสระดู ก็ลองดูครับ ไม่แน่ คุณอาจจะเป็นคนต่อไป ที่จะเล่าเรื่องราวของการทำงานไม่ประจำ แล้วนำความสุขมาสู่ชีวิต ให้กับคนอื่นๆติดตามก็เป็นได้ครับ :)