สวัสดีครับผม กลับมาพบกันอีกแล้วกับบทความเรื่องใหม่ของเว็บบักสนนะครับ อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่ผมมีประชุมงานเยอะมากเลยครับ งานไหลมาเทมาดีมาก น้ำตาจะไหล ฮ่าๆ โดยหลายๆงานเป็นงานที่มาจากลูกค้าเก่าด้วย และอีกหลายๆงานก็เป็นงานที่ลูกค้าเก่าทำการบอกต่อให้คนรู้จักมาใช้บริการ ซึ่งผมต้องกราบขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจใช้บริการทำเว็บไซต์ของผมครับ
บทความเรื่องนี้ผมอยากจะมาพูดเรื่องประสบการณ์การทำงาน ว่าทำงานอย่างไรให้ลูกค้าชอบ และได้ใจลูกค้า จริงๆมันก็เป็นเรื่องง่ายๆนั่นแหล่ะครับ เพียงแต่อยากจะเล่าให้ได้ติดตามกัน
เวลาที่ทำงานใดๆก็แล้วแต่ครับ สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามอย่างยิ่งก็คือ “ทำงานชิ้นนั้นให้เป็น Master Piece”
ในฐานะคนที่ทำงานทั้งออกแบบและเขียนโค้ด สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับผมคือการออกแบบครับ มันต้องออกแบบให้สวย ใช้งานได้ เรียบ หรู ดูเฟร็นด์ลี่ ซึ่งสิ่งพวกนี้มันเป็นโจทย์ที่ต้องอาศัยความคิด ประสบการณ์ในการกลั่นกรองไอเดียให้ออกมาตอบโจทย์ให้ได้มากที่สุด บางครั้งก็สารภาพเลยนะครับว่ามีปัญหาไอเดียตัน คิดงานไม่ออก ผมต้องพยายามหาแรงบันดาลใจใหม่ๆเพิ่มขึ้น
การที่จะทำงานให้ออกมาตอบโจทย์เป็น Master Piece ให้ได้มากที่สุดนั้น ผมใช้หลักการดังนี้ครับ
[thetext]เรียนรู้ธุรกิจของลูกค้า[/thetext]
แม้ว่าผมจะเข้าไปรับฟังการบรีฟจากลูกค้าแล้ว แต่ผมก็เชื่อว่ามันยังมีอะไรอีกมากที่เราควรเรียนรู้ด้วยว่าลูกค้าของเราเป็นใคร ธุรกิจของเขาเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง มีคู่แข่งเป็นใคร ดูตลาดของลูกค้า ถ้าหากไปประชุมงานที่ออฟฟิศลูกค้า ผมจะดูว่าการจัดออฟฟิศเค้านั่นจัดอย่างไร มีฟิลลิ่งแบบไหน คือทำตัวเหมือนว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจนี้ครับ (มันยากนะ แต่สนุก ลองทำดูครับ)
[thetext]สมมติว่าเราเป็นลูกค้าของลูกค้า[/thetext]
เว็บไซต์นอกจากจะทำเพื่อให้ตอบโจทย์ของลูกค้าที่มาจ้างเราแล้ว เราต้องคิดถึงลูกค้าของลูกค้าของเราด้วยครับ เพราะลูกค้าที่มาใช้งานเว็บนั่นแหล่ะคือหัวใจสำคัญที่เราต้องคำนึงถึง ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นลูกค้าและเข้ามาเว็บนี้ เราคาดหวังอยากจะได้อะไรกลับไป
[thetext]มีวาจาสุภาษิต[/thetext]
ในโลกนี้ผมว่าไม่มีใครที่ชอบคนทำงานแบบพูดไม่เพราะหรอกนะครับ เอ๊ะ ประเด็นนี้ทำไมถึงต้องพูด เพราะว่าผมเคยเจอครับ หลายคนที่ทำงานบริการ แต่พูดจาห้วนๆ ไม่มีหางเสียง ลองคิดดูสิครับว่า ระหว่าง “ต้องการอะไรครับ” กับ “ต้องการอะไร” แบบไหนดูเป็นมิตรมากกว่า? เสน่ห์ง่ายๆที่เราสร้างได้ไม่ยากก็คือเรื่องคำพูดคำจานี่แหล่ะครับ ช่วยได้เยอะนะ และบวกเรื่องยิ้มเข้าไปด้วย อย่าปั้นหน้าบึ้งเวลาเข้าพบลูกค้าเด้อ แม้ว่าบางครั้งลูกค้าอาจจะเรื่องเยอะ แต่หลายๆคนที่เค้าเรื่องเยอะ ถามเยอะ เพราะเค้าไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในฐานะที่เราเป็นคนในวงการเราต้องใจเย็นๆครับ การวีนลุกค้าอาจจะได้อารมณ์สะใจ แต่มองการณ์ไกลมันไม่ค่อยคุ้มหรอกนะครับ ถ้าหากว่าเราไม่พึงพอใจในการร่วมงานก็ให้ปฏิเสธแบบสุภาพๆดีกว่าครับผม
[thetext]ตรงต่อเวลา[/thetext]
โลกของธุรกิจบางครั้งนับกันเป็นหน่วยวินาที การทำงานที่ดีก็ต้องรักษาเวลาให้เป๊ะด้วยครับ นัดเป็นนัด ส่งงานเป็นส่ง ทำงานจริงไม่เหมือนตอนเรียนหนังสือนะครับ ตอนเรียนส่งงานช้าก็แค่โดนหักคะแนน หรือไม่ได้คะแนน แต่ถ้าเป็นโลกการทำงาน มันมีผลกระทบลูกโซ่หลายอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยแหล่ะคับ
[thetext]จริงใจในการทำงาน[/thetext]
เวลาผมทำงานออกแแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ผมโชคดีอยู่อย่างหนึ่งคือผมดีลงานกับเจ้าของโปรเจ็คโดยตรง ทำให้การสื่อสารสามารถคุยกันได้เลย ไม่ต้องผ่านคนอื่น ผมมองว่าลูกค้าคือมิตรคนหนึ่งของผมที่เค้าไว้วางใจให้ผมช่วยเหลือธุรกิจของเค้า ผมจะบอกไปเลยนะครับว่า ถ้าตอนนี้ผมมีงานยุ่งไม่สามารถรับงานได้ ก็บอกไป หรือในกรณีที่รีไควเมนต์แบบนี้มันต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน จากระยะเวลาที่กำหนดมาทำได้หรือไม่ ก็บอกไปตรงๆ หรือแม้กระทั่งที่บอกว่าผมพัฒนาเว็บไซต์ด้วยระบบ Opensource นะ ไม่ได้เขียนใหม่เองทั้งหมด เรื่องเหล่านี้ผมยินดีบอกลูกค้าของผมให้ทราบเลยครับ จากที่ทำงานด้วยกันมา แม้จะปิดโปรเจ็คไปแล้ว แต่พวกเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปอีกครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคที่ผมใช้เวลาทำงาน และทำให้มีงานทำในทุกวันนี้ครับ ไม่ได้เขียนเพื่อมาอวยตัวเองนะครับ แต่คิดว่าเป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่ผมทำแล้วได้ผลและอยากให้คนที่จะมาสู่ชีวิตฟรีแลนซ์ได้อ่านกันดูเผื่อจะมีประโยชน์บ้างครับ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะครับ