การเลือกสีมาใช้ในการออกแบบเนี่ย ถือว่าเป็นกุญแจที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการสร้าง Brand identity หรือ อัตลักษณ์ของแบรนด์ ในการสร้างแบรนด์นั้นเราจำเป็นต้องมีเอกลักษณ์ มีจุดเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆที่อยู่ในแวดวงการทำงานเดียวกัน แบรนด์เป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างผู้ให้บริการกับผู้ใช้บริการครับ
แบรนด์สามารถสื่อได้ถึงบุคลิกลักษณะของบริษัท เป้าหมายของบริษัท ข้อความที่บริษัทต้องการสื่อถึงลูกค้า หลักการของบริษัท และแม้กระทั่งภาระกิจของบริษัทที่ต้องทำ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกันกับการเลือกใช้สีสำหรับแบรนด์ของคุณด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นเวลาคุณทำสื่อโฆษณาสักตัว ออกแบบเว็บไซต์ขององค์กร ออกแบบโลโก้ หรืออะไรก็แล้วแต่ สีที่เราเลือกใช้แต่ละสี ก็จะให้อารมณ์ ให้แนวคิดที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น “สี” จึงจำเป็นมากๆสำหรับคุณครับ คุณต้องรู้ว่า “สีไหนที่เหมาะกับองค์กรของคุณ”
สีทุกสีมีความหมายที่แตกต่างกัน และก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยด้วยครับ วันนี้เราจะมาดูกันว่าแล้วถ้าเราจำเป็นต้องเลือกสีมาใช้ในการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ของเรา เราจะมีเทคนิคในการเลือกสีอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยโลดครับ
[thetext]1. เลือกสีที่บรรยายความเป็นตัวตนของแบรนด์ของคุณที่มากที่สุด[/thetext]
Image: shutterstock
สีที่เราเลือกใช้ควรบอกได้ทันทีว่า “เราเป็นใคร” เมื่อลูกค้าเห็นเค้าสามารถรู้ได้เลยว่าธุรกิจของเรานั้นเข้มแข็ง จริงจัง ซับซ้อน สนุกสนาน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่คุณอยากจะเป็น ดังนั้นพยายามเลือกใช้สีที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของตัวเองให้ได้มากที่สุดครับ
[thetext]2. รู้หลักจิตวิทยาของสี[/thetext]
Image: shutterstock
หลังจากที่เลือกสีได้แล้ว คุณต้องมั่นใจนะครับว่า ได้เลือกสีที่ถูกต้อง ตรงกับข้อความที่ต้องการสื่อออกไป ใช่แล้วครับ คุณเองก็จำเป็นต้องมีความรู้ที่ดีเกี่ยวกับความหมายของสีที่คุณเลือกด้วย ถ้าเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเงิน มักจะเลือกใช้สีน้ำเงินเพื่อแสดงถึงความคู่ควรแก่การไว้วางใจ เว็บ social media ก็ใช้สีน้ำเงินเพื่อสื่อถึงมิตรภาพ องค์กรที่เกี่ยวกับสตรีก็จะใช้สีชมพู ส่วนสีเขียวมักจะถูกเลือกใช้เพื่อสื่อสารถึงแนวคิดเกี่ยวกับความรุ่งเรือง เงินตรา และสิ่งแวดล้อม จริงๆแล้ว มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับหลักจิตวิทยาของสีแต่ละสี “เลือกให้ถูกต้องกับแบรนด์ของคุณนะครับ”
[thetext]3. เลือกสีที่ให้ความหมายด้านบวก[/thetext]
Image: shutterstock
มันสำคัญมากๆ ที่สีของคุณต้องสร้าง impact ในด้านบวกให้กับองค์กรของคุณครับ จำไว้เสมอว่าจิตวิทยาของสีนั้นสำคัญเพียงไร สีที่คุณเลือกใช้ก็คือข้อความที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่คุณสื่อไปยังลูกค้า การใช้สีแดงสำหรับบริษัทจัดดอกไม้ ให้ความรู้สึกด้านบวก เพราะเป็นสีของกุหลาบแดงแห่งความรัก แต่ถ้าเลือกใช้สีดำสำหรับบริษัทของเด็กเล่น ก็อาจจะไม่ได้ให้ impact ด้านบวกสักเท่าไหร่นัก เพราะว่า มันไม่ค่อยจะดึงดูดบรรดาเด็กๆนั่นเอง
[thetext]4. เลือกสีที่ให้อารมณ์และความรู้สึกที่ถูกต้องกับแบรนด์[/thetext]
Image: shutterstock
บอกลูกค้าไปเลยครับว่าถ้าลูกค้าร่วมงานกับคุณ เค้าจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าบริษัทของคุณ มี high enery คุณสามารถเลือกใช้สีที่สว่าง ดูมีชีวิตชีวา เช่น สีส้ม สีเหลือ และสีแดง ก็ได้ครับ อย่างที่บอกไปว่า สีทุกสีให้ความหมายที่แตกต่างกัน และแน่นอน มันก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วยครับ คุณจำเป็นต้องเลือกสีที่ถูกต้องในการสร้างอารมณ์ตอบกลับ ของผู้พบเห็นให้ได้ครับ ถ้าบริษัทของคุณเป็นบริษัทเป็นงานค่อนข้างจะซับซ้อน การเลือกใช้สีเช่นสีแดงม่วงเข้มอมน้ำตาล (maroon) ก็สามารถสื่อถึงความซับซ้อนได้ครับ
[thetext]5. รู้ว่าคู่แข่งใช้อะไรบ้าง[/thetext]
Image: shutterstock
คู่แข่งของคุณก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญอยู่เสมอ “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” คำพูดนี้ใช้ได้ทุกโอกาสครับ ฮ่าๆ การที่เรารู้ว่าคู่แข่งของเราเลือกใช้อะไร เราก็สามารถเลือกใช้สิ่งที่สามารถสร้างความโดดเด่นจากพวกเค้าได้ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ สีที่คุณเลือกก็ต้องเหมาะกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ของคุณด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าเอาให้เด่นจากคนอื่น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับภาพลักษณ์ที่เราต้องการจะสื่อออกไป แบบนี้ก็ไม่ไหวนะครับ ลองเลือกสีที่ตรงกันข้ามกับคู่แข่ง ก็จะทำให้เราสามารถโดดเด่นออกจากพวกเค้าได้ เช่น ถ้าคู่แข่งเลือกสีแดง เราก็ใช้สีน้ำเงิน ถ้าเค้าใช้สีเหลือง เราก็ใช้สีม่วง ประมาณนี้ครับ
[thetext]6. รู้ว่าสีที่ใช้จะ impact กับผู้บริโภคอย่างไร[/thetext]
Image: shutterstock
ผู้บริโภคส่วนใหญ่พิจารณาที่สีในการเลือกใช้แบรนด์สักแบนด์ และใช่แล้วครับ พวกเค้าตัดสินใจที่ base on color นั่นเอง เพราะว่าสีให้ความหมายที่ต่างกันออกไป มันก็เลยทำให้ได้รับผลตอบกลับที่แตกต่างกันออกไปด้วย สีแดง หมายถึงความเร่งด่วน ดังนั้นถ้าหากคุณสังเกตจะพบว่า เวลามีการ กระหน่ำลดราคาสินค้า สีแดงมักจะถูกนำมาใช้ในการเรียกลูกค้า โดยการเขียน SALE ตัวใหญ่ๆ หรือเอามาทำเป็นสัญลักษณ์เพื่อบอกลุกค้าว่า นี่คือนาทีทอง ถ้าเธอไม่ซื้อตอนนี้ เธอจะพลาดโอกาสครั้งสำคัญ! สีส้ม เป้นสีที่กระตุ้นให้คนต้องทำอะไรสักอย่าง ครับ ลูกค้าทุกประเภทก็จะสนใจสีที่ต่างกันออกไปด้วย ลูกค้าที่เป็นพวกแอคทิฟก็จะสนใจสีส้ม สีดำ และสีน้ำเงินเข้ม ส่วนลูกค้าแนวๆประหยัดมัธยัสถ์ ก็จะสนใจพวกสีกรมท่า สีน้ำเงิน เป็นต้น
[thetext]7. พิจารณาการแปลความหมายด้านวัฒนธรรมด้วย[/thetext]
Image: shutterstock
ประเทศแต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป และแน่นอนครับ สีแต่ละสีก็จะให้ความหมายที่ต่างกันไปด้วยสำหรับแต่ละประเทศแต่ละวัฒนธรรม ถ้าคุณอยู่ที่ไหน คุณจำเป็นต้องรู้ความหมายของสีที่อยู่ในสถานที่ของคุณ คุณถึงจะประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น make sure ว่าสีที่คุณเลือกนั้นสร้างความประทับใจต่อกลุ่มเป้าหมาย
[thetext]8. จำไว้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดด้วยสีเพียงสีเดียว[/thetext]
Image: shutterstock
ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องใช้เสียงเพียงแค่สีเดียวในการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ของคุณนะครับ คุณสามารถผสมผสานเลือกสีที่แตกต่างกันออกไปเพื่อส่งข้อความไปยังกลุ่มเป้าหมายของคุณก็ได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น Ebay ที่ใช้สีค่อนข้างหลากหลาย เพื่อสื่อถึงความวาไรตี้ คุณเองก็ไม่จำเป็นต้องสร้างข้อจำกัดในยึดกับสีเพียงสีเดียวเช่นเดียวกันครับ
[thetext]9. ใช้สีที่เข้ากัน[/thetext]
Image: shutterstock
หลีกเลี่ยงที่ไม่แมทช์กันนะครับ เพราะว่ามันจะทำให้ลูกค้าดูสับสน ดูรบกวนสายตาของผู้พบเห็น ดังนั้นเลือกสีที่เข้ากัน มิกแอนด์แมทซ์ที่ลงตัว จะช่วยสร้างแรงดึงดูดแก่ผู้พบเห็นได้ดีกว่าการใช้สีที่โดดไปโดดมา ไม่เข้ากันเลย ดังนั้นต้องมั่นใจว่า สีที่คุณเลือกใช้นั้น ดูสบายตาแก่ผู้พบเห็นครับ
[thetext]10. ใช้สีที่ contrasting [/thetext]
Image: shutterstock
สีที่ตรงกันข้ามกันจะช่วยสร้างความน่าสนใจได้มากกว่าการเลือกใช้สีโทนเดียวกันทั้งหมดครับ ซึ่งการใช้สีตรงกันข้ามกันต่อให้คุณใชสีเพียงไม่กี่สี มันก็ยังดูน่าสนใจ ดึงดูดได้อยู่ดี
[thetext]บทสรุป[/thetext]
การสร้างอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ของตัวเองนั้น สีถือว่ามีบทบาทสำคัญในการสื่อสาร เราจำเป็นต้องพิจารณาหลายอย่างนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความหมายของสีที่เราเลือกใช้ วัฒนธรรมที่เกี่ยวข้อง สถานที่ที่เราทำธุรกิจ ในฐานะของนักออกแบบ เราจำเป็นต้องรู้ว่าสีไหนเหมาะสำหรับงานดีไซน์ของคุณ ซึ่งถ้าคุณรู้และเข้าใจ คุณก็จะสามารถเลือกสีที่ถูกต้อง ลูกค้าก็จะพึงพอใจกับงานของคุณครับ ผมหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่านบ้างนะครับ ^^