เดี๋ยวนี้โลกของเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตัลกันเกือบหมดแล้วนะครับ ทุกอย่างดูเหมือนจะอยู่ในโลกออนไลน์ไปหมด เชื่อไหมครับว่าบางคนใช้เวลาหน้าคอมพิวเตอร์มากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน (บักสนแหล่ะคนนึง ฮ่าๆ) แถมเดี๋ยวนี้การจะติดต่องานกันก็สะดวกสบาย คุยกันได้ผ่าน แชทต่างๆ เช่น facebook, google talk, skype หรือ msn เป็นต้น
ด้วยความที่ทุกวันนี้เราก้าวเข้ามาสู่อินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น ทำให้ระบบการทำงานก็เปลี่ยนแปลงไปครับ โครงสร้างหลายๆอย่างก็มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือการนำเสนองานครับ เมื่อก่อนต้องหอบพอร์ตเอกสารพะรุงพะรังเต็มไปหมด แต่เดี๋ยวนี้ง่ายครับ แค่ทำเว็บไซต์สักเว็บหนึ่งเป็นเว็บสำหรับแสดงผลงาน แล้วก็ส่ง url ให้ผู้สนใจดู สะดวกสบายกว่ากันเยอะเลย
ดังนั้น เว็บ portfolio ของเราก็ต้องโดดเด่น ดูน่าสนใจนะครับ ยิ่งถ้าคุณเป็นนักออกแบบเว็บไซต์แล้วละก็ สิ่งแรกที่ลูกค้าจะพิจารณาก็คือตัวเว็บของคุณเองว่า โดดเด่น ประทับใจมากแค่ไหน ถ้าเกิดเค้าไม่ประทับใจ เค้าก็ไม่จ้างเรา เราก็มีเงินใช้ โอ้วววว….
เกริ่นมาเสียเยอะแยะมากมาย จนหลายๆคนคงจะรำคาญ ฮ่าๆ เอาหละคับ งั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่า ว่า แล้วถ้าจะทำเว็บไซต์แสดงผลงานให้เจ๋งๆสักอันควรจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
1. ต้องมีโลโก้และสโลแกนที่ชัดเจน
โลโก้ของคุณก็คือแบรนด์ของคุณนั่นแหล่ะครับ ส่วนสโลแกนก็เป็นสิ่งที่บอกว่าคุณคือใคร ในโลกของการแข่งขันทางอินเตอร์เน็ตในยุคปัจจุบัน คุณต้องตอบคำถามว่า “ทำไม” ให้ได้ และต้องตอบได้อย่างรวดเร็วด้วยนะครับ ไม่งั้น ผู้เข้าชมเว็บก็อาจจะคลิกปุ่ม Back ทันทีถ้า Portfolio ของคุณไม่น่าสนใจ
การที่เรามีโลโก้และสโลแกนที่ชัดเจน จะทำให้ลูกค้าได้รู้ว่า คุณคือใคร (โลโก้คือตัวแทนของชื่อคุณ และสไตล์การออกแบบโลโก้จะบ่งบอกสไตล์การออกแบบของคุณด้วยครับ) และคุณทำอะไร (สโลแกนของคุณจะต้องตอบถามนี้)
2. สร้างเว็บ Portfolio ให้ง่ายต่อการใช้งาน
นี่เป็นหลักการพื้นๆเลยนะครับ เว็บไซต์ที่เราทำต้องใช้งานง่าย มีเมนูนำทางที่ชัดเจน มีเมนูที่ใช้งานง่าย เห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าเมนูอยู่ตรงไหน คลิกแล้วจะเห็นอะไร บางเว็บไซต์ออกแบบสวยงาม กราฟิกระดับเทพ แต่ไม่รู้ว่าเมนูไปซ่อนไว้ที่ไหน แบบนี้บางคนเข้ามาดูแล้วก็อาจจะปวดตับได้ ประมาณว่า สวยแต่รูป จูบไม่หอม ก็จบกันครับ
3. มีช่องทางในการติดต่อได้ “ง่าย”
อย่าลืมนะครับว่า เหตุผลที่เรามีเว็บไซต์ Portfolio ก็เพื่อน “หาลูกค้า และมีคนจ้าง” ดังนั้นการติดต่อกับเจ้าของเว็บจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรมีช่องทางในการติดต่อที่ชัดเจน และมากกว่าหนึ่งช่องทาง เช่น อาจจะทาง email, เบอร์โทรศัพท์ facebook หรือแม้กระทั่งการพูดคุยกันผ่าน Instant messenger ต่างๆก็ได้ครับ ลองคิดดูสิครับว่า เว็บเราสวย ผลงานโดดเด่น แต่ดันหาที่ติดต่อกลับไม่ได้หรือหายาก แบบนี้ก็พลาดโอกาสไปดีๆไปเลยแหล่ะครับ
4. ไม่ต้องโชว์ทุกอย่าง
แต่โชว์สิ่งที่ดีที่สุดพึงระลึกอยู่เสมอว่า เว็บ Portfolio ของคุณก็เปรียบเสมือนอัลบั้มรวมเพลงฮิต เราจะนำเสนอแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า ผลงานที่โดดเด่นที่สุด ประทับใจที่สุด ได้รับเสียงตอบรับมากที่สุด หรือพูดให้ง่ายๆก็คือ เอาสิ่งที่เราคิดว่าคนเห็นแล้วจะร้อง “ว้าวววว” มาจัดแสดงครับ
5. แบ่งหมวดหมู่ผลงานของคุณด้วย
การแบ่งหมวดหมู่ผลงานก็จัดว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้การใช้งานเว็บง่ายขึ้น การจัดหมวดหมู่งานจะทำให้การค้นหาผลงานของคุณง่ายขึ้น ยิ่งถ้าเรามีความสามารถอันหลากหลาย เป็นผู้ชายมัลติแทสกิ่ง ทำโน่นก็เจ๋ง ทำนี่ก็เจ๋ง ยิ่งต้องจัดหมวดหมู่ผลงานครับ เช่น งานนี้คืองานออกแบบเว็บนะ งานนี้คืองานวาดรูป งานนี้คืองานทำเพื่อการกุศล งานนี้คืองานที่ทำปี 2011 เป็นต้น
6. อย่าลืมใส่ “คำยืนยันจากผู้ใช้” ด้วยเด้อ
ภาษาอังกฤษจะเรียกคำยืนยันจากผู้ใช้ว่า Testimonials ครับ ตรงจุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราควรจะใส่เข้าไปในเว็บ Portfolio ของเรา เพราะนี่คือ “เสียงตอบรับจริง จากผู้ใช้บริการจริง” อย่าลืมนะครับว่า คนที่เข้ามาดูผลงานของเรา ส่วนมากจะเป็นคนใหม่ๆ ดังนั้นเค้าก็ต้องการความเชื่อมั่นว่า เราดีจริงหรือเปล่า ทำงานดีไหม ทำออกมาแล้วเป็นอย่างไร การใส่คำยืนยันจากผู้ใช้ลงในเว็บ จึงช่วยคอนเฟิร์มให้ลูกค้าได้รู้ ว่านายคนนี้เยี่ยม เจ๋งสุดยอด ใช้บริการเค้าเลย…
อ่อ อย่างหนึ่งที่ต้องขอเตือนไว้คือ คำยืนยันจากผู้ใช้งานต้อง “เป็นของจริง” อย่าใช้สแตนอิน มาช่วยนะครับ ไม่งั้นคุณจะเสียเครดิตไปเลยแหล่ะครับ ดังนั้นถ้าเกิดคุณเคยทำงานให้ใคร ก็ขอให้เค้าช่วยเขียนคำยืนยันให้ ถ้าคุณทำงานดีจริง ผมเชื่อว่าลูกค้าก็ยินดีเขียนให้คุณแน่ๆครับ ^^
7. โหลด portfolio / resume มาอ่านได้
ไอเดียนี้บรรเจิดมากสำหรับผม ฮ่าๆ เพราะว่าบางทีคนที่เข้ามาอ่านเว็บไซต์ของเรา อาจจะเป็นคนหาคนมาทำงาน แต่ไม่ได้มีสิทธิในระดับที่จะว่าจ้างใครได้ เช่นเค้าอาจจะหาไปให้บอสของเค้าเลือก ดังนั้น ถ้าคุณใส่ปุ่มดาวน์โหลดประวัติคุณลงไป มันก็จะเป็นอะไรที่เป๊ะเวอร์ๆ วิธีการก็ง่ายๆครับ ทำ resume เป็น pdf แล้วอัพโหลดลงเว็บของเรา และทำปุ่มดาวน์โหลด resume แค่นี้เอง!
8. ประกาศให้แจ้งชัด ว่าคุณรับทำงานอะไรบ้าง
สำหรับข้อนี้ คุณคงสังเกตเห็นนะครับว่า เราต้องทำให้ง่ายที่สุดเท่าที่เราจะทำได้สำหรับผู้เข้าดูเว็บไซต์ของเรา และเทคนิคข้อนี้ก็ไม่ได้ยากอะไรนัก การแจ้งให้ทราบว่า คุณทำอะไรบ้าง จะทำให้ลูกค้าคลายข้อกังขา และรู้ได้ทันทีว่าเราทำอะไร ถ้าใช่คนที่เค้ามองหา เค้าก็จะได้เปิดดูรายละเอียดในส่วนต่อๆไปได้ครับ
9. ข้อมูลตัวเอง ก็เอาลงไปบ้างอะไรบ้าง
เนื่องจากการอ่านผ่านเว็บไซต์นั้น ลูกค้าดูจากคอมพิวเตอร์ ไม่ได้เจอคุณตัวเป็นๆ ดังนั้นใส่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองลงไปบ้าง ว่าคุณเป็นใคร ทำอะไร อย่าลืมว่าธุรกิจจะสำเร็จลงได้ ท้ายที่สุดก็ต้องพึ่ง “คน” คือการทำระหว่างคนกับคน ไม่ใช้ทำกับโรบอท ความสัมพันธ์และมิตรภาพ รวมถึงความจริงใจที่เราแสดงออกย่อมทำให้ลูกค้าอยากร่วมงานกับคุณใช่ไหมละครับ ^^
10. จงมีเอกลักษณ์
ข้อนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณโดดเด่นเหนือกว่าใครอื่น อย่าลืมว่าคนทำงานเหมือนกันกับคุณอาจจะมีนับร้อยนับพันคน แต่อะไรละที่คุณโดดเด่นต่างจากคนอื่น อะไรละที่ลูกค้าต้องมาใช้บริการคุณ หามันให้เจอ แล้วแสดงมันออกมาครับ